คลายข้อสงสัย... ตรวจเลือดหาโรคอะไรได้บ้าง
สิ่งที่เรารับประทานและสารอาหารที่เราได้รับจะถูกย่อยสลายและดูดซึมไปสู่กระแสเลือด จากนั้นก็ไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างกาย เพื่อให้ระบบต่าง ๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ผลเลือดจึงสามารถสะท้อนให้เห็นถึงสุขภาพร่างกายของเราได้ อีกทั้งยังช่วยประเมินความเสี่ยงของโรคที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นโรคทั่วไปหรือโรคร้ายแรงก็ตาม แล้วการตรวจเลือดหาโรคอะไรได้บ้างล่ะ? N Health ได้หาคำตอบมาไว้ให้คุณในบทความนี้แล้ว
การตรวจเลือดคืออะไร
การตรวจเลือด (Blood Test) คือการเก็บตัวอย่างเลือดไปวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ เพื่อให้เห็นภาพรวมของสุขภาพร่างกายอย่างชัดเจนและเช็กว่าระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานตามปกติหรือไม่ หรือมีความผิดปกติและความเสี่ยงในด้านใดบ้าง ซึ่งผลตรวจเลือดที่ออกมาจะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการใช้ชีวิตในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น ก่อนที่ความเสี่ยงนั้นจะกลายเป็นโรค จนถึงขั้นที่คุณต้องเข้ารับการรักษาอย่างจริงจัง โดยปกติแล้วการตรวจเลือดเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสุขภาพประจำปีและการตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงาน แต่ในบางกรณีแพทย์อาจสั่งตรวจเลือดเพิ่มเติมได้ หากคุณป่วยหรือมีอาการผิดปกติบางอย่างที่จำเป็นต้องใช้ค่าต่าง ๆ ที่อยู่ในผลเลือด
ตัวอย่างการตรวจเลือดที่พบบ่อย
• การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (Complete Blood Count - CBC)
• การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด (Fasting Blood Sugar - FBS)
• การตรวจการทำงานของไต (Kidney Function Tests - KFTs)
• การตรวจการทำงานของตับ (Liver Function Tests - LFTs)
• การตรวจระดับไขมันในเลือด (Lipid Profile)
• การตรวจระดับกรดยูริก (Uric Acid)
การตรวจเลือดมีประโยชน์อย่างไร
• ทำให้รู้จักสุขภาพของตัวเองมากขึ้น การตรวจเลือดจะบอกข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับร่างกาย เช่น ระดับน้ำตาล ระดับไขมัน หรือการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้ทราบว่าสุขภาพของเราอยู่ในเกณฑ์ที่ดีหรือไม่
• ตรวจหาความผิดปกติที่ไม่แสดงอาการ โรคร้ายแรงบางชนิดจะไม่แสดงอาการออกมาในระยะเริ่มต้น ทำให้เราไม่รู้เลยว่าร่างกายของเรากำลังเผชิญกับอะไร การตรวจเลือดจะช่วยให้พบความผิดปกติเหล่านี้ได้เร็วขึ้น
• วางแผนการดูแลสุขภาพในระยะยาว ข้อมูลจากการตรวจเลือดสามารถใช้ในการวางแผนการดูแลสุขภาพได้ ทั้งการปรับพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย หรือการตรวจสุขภาพด้านอื่น ๆ เพิ่มเติม
• เพิ่มความมั่นใจในการดูแลตัวเอง ข้อมูลสุขภาพจากการตรวจเลือด จะช่วยให้เรามีความมั่นใจในการดูแลตัวเองและตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพได้ดีขึ้น
ตรวจเลือดหาโรคอะไรได้บ้าง
การตรวจเลือดเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการตรวจหาความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ และมีความปลอดภัยสูง โดยส่วนใหญ่เราจะเจาะเลือดจากข้อพับแขนหรือปลายนิ้วมือ ซึ่งจะมีความเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้นและใช้ระยะเวลาไม่นาน ซึ่งข้อมูลจากผลตรวจเลือดสามารถใช้ในการวินิจฉัยโรคได้ ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงโรคร้ายแรง มาดูกันว่าการตรวจเลือดหาโรคอะไรได้บ้าง
1. โรคหัวใจและหลอดเลือด
การตรวจเลือดช่วยให้เราประเมินความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ โดยจะดูที่ระดับไขมันในเลือดหลายตัว ทั้งคอเลสเตอรอลรวม, LDL (ไขมันไม่ดี), HDL (ไขมันดี) และไตรกลีเซอไรด์ ค่าเหล่านี้บอกว่ามีไขมันสะสมในหลอดเลือดมากน้อยแค่ไหน ซึ่งส่งผลต่อการไหลเวียนเลือด นอกจากนี้ การตรวจโปรตีนอักเสบ (CRP) ก็ช่วยบ่งชี้การอักเสบในหลอดเลือด ซึ่งเป็นอีกปัจจัยเสี่ยงของหลอดเลือดตีบตันได้อีกด้วย
2. โรคเบาหวาน
การตรวจเลือดสามารถวินิจฉัยและติดตามโรคเบาหวานได้โดยการวัดระดับน้ำตาลในเลือด เช่น Fasting Blood Sugar (FBS) ที่วัดหลังจากงดอาหาร หรือ HbA1c ที่บอกค่าน้ำตาลเฉลี่ยย้อนหลัง 2-3 เดือน การตรวจเหล่านี้ช่วยยืนยันภาวะที่ร่างกายใช้อินซูลินได้ไม่ดี และมีน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งถ้าไม่ดูแลรักษาให้ดี อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้
3. โรคไขมันพอกตับ
ถ้าสงสัยว่ามีไขมันพอกตับ การตรวจเลือดจะช่วยบอกสุขภาพตับได้ ซึ่งจะดูที่ระดับเอนไซม์ตับอย่าง ALT และ AST พร้อมกับดูระดับไขมันในเลือด (LDL, HDL, Triglycerides) เพื่อประเมินว่าตับเสียหายหรือทำงานผิดปกติไหม โดยโรคนี้เกิดจากไขมันสะสมในตับ ไม่เกี่ยวกับการดื่มแอลกอฮอล์
4. โรคไตเรื้อรัง
การตรวจเลือดเพื่อตรวจหาโรคไตเรื้อรัง จะวัดค่าการทำงานของไต เช่น ครีอะตินีน (Creatinine) ซึ่งเป็นของเสียที่ไตควรขับออก และคำนวณอัตราการกรองของไต (eGFR) เพื่อดูว่าไตกรองของเสียได้ดีแค่ไหน ถ้าค่าเหล่านี้ผิดปกติ ก็แสดงว่าไตเริ่มทำงานได้ไม่เต็มที่แล้ว
5. โรคตับอักเสบ
การตรวจหาโรคตับอักเสบจากการตรวจเลือดนั้น จะดูที่ค่าเอนไซม์ตับอย่าง ALT และ AST ที่มักจะสูงขึ้นเวลาเซลล์ตับอักเสบหรือเสียหาย นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจหาไวรัสตับอักเสบ (เช่น HBV, HCV) เพื่อหาสาเหตุว่าเกิดจากการติดเชื้อหรือสารพิษอะไรได้ด้วยเช่นกัน
6. โรคโลหิตจาง
การตรวจเลือดแบบ CBC จะแสดงให้เห็นว่ามีจำนวนเม็ดเลือดแดงและระดับฮีโมโกลบินต่ำกว่าปกติหรือไม่ ซึ่งสามารถนำไปวินิจฉัยโรคโลหิตจางได้ โดยโรคนี้เกิดจากการที่ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงได้ไม่พอ หรือเม็ดเลือดแดงทำงานได้ไม่ดี อาจมาจากการขาดสารอาหาร หรือโรคเรื้อรังบางชนิดก็ได้
7. โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเกิดจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดเลือดขาวในไขกระดูก การตรวจเลือดแบบ CBC สามารถช่วยให้เราเจอความผิดปกติได้ เช่น จำนวนเม็ดเลือดขาวที่เยอะผิดปกติ หรือรูปร่างของเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ไม่ปกติ ซึ่งเป็นสัญญาณสำคัญของโรคนี้
8. โรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด
การตรวจเลือดช่วยวินิจฉัยโรคที่ทำให้เลือดแข็งตัวผิดปกติได้ ไม่ว่าจะเป็นภาวะเลือดแข็งตัวช้าเกินไป (เช่น โรคฮีโมฟีเลีย) หรือแข็งตัวเร็วเกินไป การตรวจจะวัดเวลาการแข็งตัวของเลือด (เช่น PT, aPTT) เพื่อดูว่าร่างกายสร้างลิ่มเลือดได้ปกติหรือไม่
การเตรียมตัวก่อนตรวจเลือด
• พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนตรวจ
• งดอาหารและเครื่องดื่มอย่างน้อย 8-12 ชั่วโมงก่อนตรวจ
• งดอาหารเสริม วิตามิน หรือสมุนไพร อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนตรวจ
• งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนตรวจ
• งดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1 วันก่อนตรวจเลือด
• แจ้งแพทย์หรือพยาบาลเกี่ยวกับยาที่รับประทานอยู่
• สวมเสื้อผ้าที่สะดวกต่อการเจาะเลือด เช่น เสื้อแขนสั้นและเสื้อแขนกุด
• งดออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมใช้แรงมากก่อนตรวจ
สรุป
การตรวจเลือดไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว และถ้าคุณกำลังสงสัยว่าตัวเองมีความเสี่ยงในการเป็นโรคอะไรอยู่หรือไม่ การตรวจเลือดสามารถให้คำตอบคุณได้อย่างชัดเจน หลังจากที่คุณเข้าใจแล้วว่าการตรวจเลือดหาโรคอะไรได้บ้าง คุณก็จะสามารถวางแผนดูแลสุขภาพของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น และถ้าคุณมีนัดตรวจเลือดเร็ว ๆ นี้อยู่ล่ะก็ อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมตามคำแนะนำเพื่อผลการตรวจเลือดที่แม่นยำที่สุด สำหรับใครที่กำลังมองหาที่ตรวจเลือดและตรวจสุขภาพใกล้บ้าน สามารถเข้ารับบริการได้ที่ N Health (เอ็น เฮลท์) ทั้ง 31 สาขาทั่วประเทศไทย เรามีโปรแกรมตรวจสุขภาพให้เลือกมากมาย โดยนักเทคนิคการแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจวิเคราะห์ พร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยตามมาตรฐานสากล
ปรึกษา ทำนัด หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
• LINE @nhealth
• โทร. 02-762-4000 (ตลอด 24 ชั่วโมง)